…ประสบการณ์ในอดีตที่ไม่เคยลืม!!!
ระหว่างฝึกงานในรพ.ดิฉันรู้สึกประทับใจ เป็นคุณแม่ตั้งครรภ์มา ปรากฎว่ามีภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรง และเด็กในครรภ์ตัวเล็กกว่าเกณฑ์กำหนด ซึ่งขณะนั้นอายุครรภ์ 28 สัปดาห์ ตามหลักแล้ว หากท้องแล้ว มีครรภ์เป็นพิษรุนแรง ต้องยุติการตั้งครรภ์ทันที เพื่อป้องกันความดันที่สูงมากเกินไป และแม่อาจเกิดอาการชักได้ ซึ่งถ้าชักก็อาจถึงชีวิตได้จากระบบหายใจล้มเหลว
ถ้าจะให้ยากันชักแก่แม่ต่อ ต้องให้คลอดทันที ซึ่งเป็นอันตรายต่อเด็กเพราะได้ยากระตุ้นปอดยังไม่ครบ ทั้งพ่อและแม่เด็กเมื่อรับรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างก็ร้องให้กันทั้งคู่เลยค่ะ ดิฉันรุ้สึกเครียดไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับเวลาที่บีบบังคับให้พ่อ แม่ของเด็ก เลือกว่าต้องการเลือกทางเลือกไหน
โดยให้ตัดสินใจเลยตามนั้น ดิฉันรู้สึกว่าเค้าถูกกดดันมากกับการที่ต้องเลือกว่า จะเอาชีวิตแม่หรือชีวิตลูก ตัวแม่เด็กขอต่อรองถึงยากระตุ้นปอดว่าให้เร็วก่อน 12 ชม. ซึ่งแม่เค้าต้องการลูกมากเค้าอยากเอาเด็กไว้ก่อน แต่พ่อเค้าไม่ยอม สรุปเมื่อตกลงกันได้พวกเค้าตัดสินใจ ให้ยากันชักแม่ต่อและยุติการตั้งครรภ์ทันทีในคืนนั้น ดิฉันลงเวรไปก่อน แต่เช้าวันรุ่งขึ้นดิฉันได้ติดตามดู ปรากฎว่าหลังคลอด หมอสูติฯกับหมอเด็ก ก็ช่วยเด็กจนรอดชีวิตโดยได้ใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ เด็กที่คลอดออกมาหนักเพียง 600 gm. ดิฉันรู้สึกประทับใจมากที่สุด สุดท้ายแล้วลงเอยด้วยการรอดชีวิตทั้งคู่ ทั้แม่และลูก ได้เห็นถึงความเสียสละของคนเป็นแม่ที่ให้ได้แม้แต่ชีวิต ดิฉันคิดว่าคงจะจดจำ case นี้ตลอดไปค่ะ ดิฉันยังคิดอีกว่าถ้าเด็กคนนี้คลอดใน รพ.ที่เครื่องมือและบุคคลากรทางการแพทย์ที่ไม่พร้อม เด็กอาจเสียชีวิตไปแล้วก็ได้
ด้วยรักและเคารพอย่างสูง
นางสาวสวนีย์ ศรีเจริญธรรม
นักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ ม.ขอนแก่น ปีที่4 (พ.ศ.2553)