นางน้อย จงสถิตย์วัฒนา เกิดที่เมืองจีนในปี ค.ศ.1919 (พ.ศ.2462) ในครอบครัวข้าราชการระดับผู้ใหญ่กระทั่งคุณพ่อของท่านเสียชีวิต เป็นเหตุให้ต้องย้ายมาอยู่เมืองไทย เมื่อยังเป็นเด็กเล็กอายุเพียง 3 ขวบ ราวปี 1922(พ.ศ.2465 ตรงกับรัชสมัย รัชกาลที่ 6)
จากนั้น ท่านก็ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยมาตลอด จวบจนนาทีสุดท้ายแห่งชีวิต (20 มีนาคม 2551) วัยเด็กของท่านในเมืองไทย เนื่องจากท่านเป็นลูกกำพร้าพ่อ มีแต่แม่ที่มาจากเมืองจีนด้วยกันลำพังสองแม่ลูก โดยไม่มีวิชาความรู้หรือสมบัติติดตัวมาเลย มีเพียงญาติผู้ใหญ่ที่มาอยู่เมืองไทยล่วงหน้า จึงเป็นวัยเด็กที่ยากลำบาก ที่ทำให้ท่านได้เรียนรู้ชีวิตจริงที่ต้องอดทน อดออม และอ่อนน้อมถ่อมตน เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดในโลกใบนี้ได้
และนี่เอง ที่หล่อหลอมให้ท่านเป็นคนหนักเอาเบาสู้มาตลอด แม้เมี่อเข้าสู่วัยแต่งงานมีครอบครัวก็ต้องอุ้มท้องเลี้ยงลูกในภาวะสงคราม (1941-1946) นึกภาพสาวท้องแก่อุ้มลูกคนโต 2 ขวบ วิ่งหนีหวอลงหลุมหลบภัย กระทั่งต้องหนีสงครามไปอยู่ จ.สุพรรณบุรี พักใหญ่
และแม้สงครามเลิกแล้ว ในฐานะแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกที่เกิดตาม ๆ กันมาอีกจนครบ 8 คน รวมทั้งต้องดูแลคุณแม่วัยชราของท่านอีก เป็นช่วงชีวิตที่เรียกได้ว่าอยู่เพื่อลูกและแม่ แทบจะไม่มีโอกาสมีสิ่งรื่นรมย์บำรุงตัวเองเลย เพราะฐานะครอบครัวก็เพียงแค่ปานกลาง อยู่บ้านเช่า แต่ท่านก็ไม่เคยบ่นท้อ สู้ชีวิตมาตลอด จนลูก ๆ โต และเริ่มสร้างฐานะมั่นคงมาเป็นลำดับ
ท่านเริ่มมีชีวิตที่สบายขึ้น ก็เมื่อล่วงเข้าสู่วัย 60 ปี ซึ่งถือว่าเริ่มเข้าสู่ช่วงปลายของชีวิตแล้ว เสียดายที่ท่านน่าจะได้ใช้ชีวิตสุขสบาย เพื่อตัวเองบ้าง ในยามแก่เฒ่านานกว่านี้ แต่โชคชะตาของคนก็เหมือนถูกลิขิตไว้ เพราะปัญหาสุขภาพจากความดันโลหิตสูง หูไม่ได้ยินไป 1 ข้าง และในที่สุด เมื่อท่านเริ่มหกล้มหลายครั้ง เมื่ออายุราว 80 ปี ในปี 2542 (1999) ท่านก็เริ่มเป็นสโตรก กลายเป็นอัมพฤกษ์ 2 รอบ ทำให้ท่านต้องใช้ชีวิตบนรถเข็นไปอีก 9 ปีสุดท้ายของชีวิตท่าน